วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2562

ผัดเผ็ดกบนาพริกไทยอ่อน

ผัดเผ็ดกบนาพริกไทยอ่อน


ผัดเผ็ดกบนาพริกไทยอ่อน

6680-1
         ผัดเผ็ดกบนาพริกไทยอ่อน  เมนูเอาใจคออาหารป่า ผัดเผ็ดกบรสเด็ดแซบบ ยิ่งถ้าได้กบนายิ่งดีเพราะเนื้อจะแน่นและหวานอร่อยกว่ากบเลี้ยง ซึ่งแซบนัวครัวอีสาน จะแนะนำวิธีทำผัดเผ็ดพริกไทยอ่อน แซบบกัน ลุยเลย
ส่วนประกอบและเครื่องปรุง
1.กบนา 1-2 ตัว
2.กระชายซอย 2 หัว
3.พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง 3 เม็ด
4.พริกไทยอ่อน 1 พวง
4.ใบโหรพา 1 ต้น
5.ใบมะกรูด  3 ใบ
6.พริกแกงเผ็ด 1 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำตาล 1 ช้อนชา
9.ใบมะกรูด 3 ใบ
10.ถั่วฝักยาว 2 ฝัก
11.ตะไคร้ 2 ต้น
12.ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
13.แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.ล้างกบ ด้วยเกลือให้หายคาว เสร็จแล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วเอามาพักให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นหั่นเครื่องเทศทั้ง
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง  ถั่วฝักยาว ตะไคร้ พริกไทยอ่อน ใบมะกรูด เด็ดโหรพาพักไว้
2.นำแป้งข้าวโพดมาคลุกกับกบ ไม่ต้องเยอะมาก เอาให้กบมีแป้งจับนิดหน่อยพอนะจ๊ะ จากนั้นเอาไปทอด แนะนำใครใช้เทปล่อน ใส่น้ำมันนิดหน่อยได้ แต่ถ้ากะทะธรรมดา ต้องให้กะทะร้อนก่อนนะค่อยใส่น้ำมัน มิฉะนั้น มันจะติดกระทะ ทอดพอเหลือง แล้วเอาลงจ้า
3.จากนั้น เทน้ำมันทอดออกนิดหน่อย เอาพริกแกงลงคั่ว ใส่ตะไคร้หั่น ใบมะกรูดฉีก ถั่วฝักยาว และพริกอ่อน ลงผัด ใส่น้ำเปล่านิดหน่อยกันพริกแกงไหม้ ผัดให้เครื่องเทศหอม
4.ปรุงรส ด้วยน้ำปลา น้ำตาลตัดเค็มนิดหน่อยพอ ชอบหวานก็ใส่เยอะได้ ใส่ชีอิ้วขาวเพื่อให้กลมกล่อม ผัดให้น้ำเริ่มแห้ง และผักเริ่มสุก ใส่โหรพาลงไป
5. ใส่กบที่ทอดแล้ว ลงไปคนให้เครื่องปรุงเข้าเนื้อ ไม่ต้องนานเดี๋ยวไม่กรอบนะ พอสีเริ่มสวย ก็เอาลง เตรียมเสริฟ์กับข้าวร้อน ๆ แซบบจร้า
31199_1461940226741_1180513112_1349428_4669910_n1
images
Unbenannt

อาหารหลัก 2 หมู่

อาหารหลัก 2 หมู่ 

อาหารหลัก 2 หมู่ คืออะไร

อาหารหลัก 2 หมู่ คือ สารอาหารที่สามารถดูดซึมและนำมาใช้ในกระบวนการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย การขับถ่าย และมีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตพร้อมด้วยสุขภาพที่ดี โดยตามหลักโภชนาการจะแบ่งสารอาหารออกเป็น 5 ประเภท เรียกว่าอาหารหลัก 5 หมู่นั่นเอง

อาหารหลัก 5 หมู่

อาหารหมู่ที่ 1 โปรตีน

 อาหารหมู่ที่ 1 ได้แก่ เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ไข่ ปลา นม ซึ่งจัดเป็นแหล่งสำคัญของสารอาหารประเภทโปรตีน มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ทั้งยังมีส่วนช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย โดยเฉพาะนมซึ่งเป็นแหล่งที่ดีของธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส ร่างกายต้องการแร่ธาตุ 2 ชนิดนี้ในการสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ที่สำคัญนมยังเป็นแหล่งชองวิตามินบี 2 และบี 12 อีกด้วย
 ส่วนอาหาร เช่น ถั่วเมล็ดแห้งและธัญพืช ก็จัดเป็นอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพรองลงมา มีส่วนช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายเช่นกัน ทั้งนี้เราควรกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ไข่ ธัญพืช ในปริมาณ 6-12 ช้อนกินข้าวต่อวัน ควบคู่ไปกับการดื่มนม 1-2 แก้วต่อวันเป็นประจำ 
           อย่างที่บอกว่าอาหารหมู่ที่ 1 เป็นแหล่งของสารอาหารสำคัญต่อร่างกาย ที่จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตเต็มวัยและมีพัฒนาการที่ดี โดยเฉพาะในเด็กเล็ก การขาดสารอาหารประเภทโปรตีนอาจก่อให้เกิดโรคแคระแกร็น ส่วนในผู้ใหญ่ที่อดอาหาร การขาดโปรตีนก็อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ดูอ่อนแอและอ่อนแรง ซึ่งหากขาดโปรตีนหนัก ๆ กล้ามเนื้ออาจจะลีบ เส้นผมก็อาจจะแห้งกระด้าง ไม่เงางามด้วยก็ได้

อาหารหลัก 5 หมู่
อาหารหมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรต
 
   อาหารหมู่ที่ 2 ได้แก่ ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ขนมจีน ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว เผือก มัน ฟักทอง ข้าวโพด ธัญพืช และแป้งชนิดอื่น ๆ โดยอาหารดังกล่าวมีสารอาหารหลักคือคาร์โบไฮเดรต เป็นแหล่งพลังงานสำคัญชนิดหนึ่งของร่างกายที่เราควรได้รับประมาณ 8-12 ทัพพี (1 ทัพพีเท่ากับ 5 ช้อนกินข้าว) หรือคิดเป็นสัดส่วนได้ร้อยละ 60-65 ของพลังงานที่ร่างกายต้องการทั้งหมด แต่ถ้าใครเป็นคนชอบออกกำลังกาย มีกิจกรรมในแต่ละวันมากมาย ก็ควรทานคาร์โบไฮเดรตให้มากขึ้น เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้นนั่นเอง 
 
 คาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารให้พลังงานที่สำคัญกับร่างกายของเรา ให้ความอบอุ่น และช่วยทำให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวเพื่อทำงานหรือประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ได้ ซึ่งถ้าหากร่างกายขาดสารอาหารประเภทนี้ ร่างกายก็จะเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย เพราะสมองและกล้ามเนื้อต้องการกลูโคสจากคาร์โบไฮเดรตมาช่วยในการทำงาน หากขาดคาร์โบไฮเดรตไปก็จะทำให้ขาดพลังงานไปด้วย อีกทั้งยังอาจจะรู้สึกหงุดหงิด สมองไม่สดใสเพราะขาดกลูโคสมากระตุ้นการทำงาน ทำให้อารมณ์แปปรวนง่ายเพราะสารเคมีในร่างกายขาดความสมดุล

ประเทศสมาชิกอาเซีย 4 ประเทศ

ประเทศสมาชิกอาเซียน คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไน เวียดนาม พม่า ลาว และกัมพูชาเป็นการรวมตัวกันเพื่อพัฒนาประเทศในภูมิภาคเดียวกัน แล้วยังก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของอาหารการกิน  อาหารประจำชาติอาเซียน สะท้อนถึงวัฒนธรรมชีวิตความเป็นอยู่ของคนในอาเซียน ที่ได้รับอิทธิพล จากประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนด้วยกัน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 
หลายประเทศมีวัฒนธรรมการกินที่ คล้ายกัน ในแต่ละชาติก็มีเมนูอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละประเทศไป ทั้ง 10 ประเทศอาเซียนมีเมนูประจำชาติ ดังนี้

1. ประเทศไทย : ต้มยำกุ้ง

ชาวต่างชาติทั้งหลายให้การยอมรับว่าเด็ดที่สุด พูดได้ว่าถ้ามาประเทศไทยแล้ว  เมนูนี้ก็ถือว่า มาไม่ถึงเมืองไทย ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เปรี้ยว เผ็ด เค็ม กลมกล่อม หอมด้วยสมุนไพร ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกขี้หนู จึงทำให้เป็นที่หลงใหลของชาวต่างชาติ
ขั้นตอนการทำในแต่ละคน ไม่แตกต่างกันมาก ดังตัวอย่าง ขั้นตอนที่แนะนำจากเว็บไซต์ food.mthai.com ดังนี้
1. ก่อนอื่นต้องแกะเปลือกกุ้งผ่าเอาเส้นดำออกล้างให้สะอาด
2. หั่นเครื่องต้มยำ พริก ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดและเห็ด ให้พร้อมนำน้ำซุปไปตั้งไฟให้เดือด ใส่เครื่องต้มยำลงไปให้หมด
3. พอเดือดอีกครั้งก็ใสกุ้งที่เตรียมไว้ลงไปเลย
4. หลังจากใส่กุ้งลงไปแล้ว ให้ใส่ น้ำตาล น้ำปลา พริกขี้หนู พริกเผา ใครชอบรสแบบไหนใส่ลงไป ตามด้วยเห็ดฟางแล้วปิดเตา
5. จัดชามเสิร์ฟหั่นผักโรยหน้า เพิ่มความหอม

2. อาหารเมียนม่า : โมฮินกา

เป็นอาหารของชาวพม่าและชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่ากินข้าวเป็นหลัก และเมนู โมะน์หี้นค้า หรือขนมจีนเมียนม่า เป็นเมนูประจำชาติที่ชาวเมียนม่านิยมกินเป็นอาหารเช้า หาซื้อกินได้ทั่วไปมีแบบแห้งและแบบน้ำ ขนมจีนน้ำยาพม่าคือขนมจีนน้ำยาที่ทำจากปลา ไม่มีกระทิ คล้ายกับน้ำยาป่าของคนไทย ใช้ปลาน้ำจืดในการทำเช่น ปลาดุก ปลาช่อน ผักที่ใส่ในน้ำยาก็จะเป็น หยวกกล้วยและใช้แป้งถั่ว ทำให้น้ำแกงข้น
ขั้นตอนการทำโมฮิงก้า ก๋วยเตี๋ยวพม่านี้สูตรการทำมาจากเว็บไซต์  Sanook! WOMEN
  1. ตำเครื่องปรุงน้ำแกงให้เข้ากัน
  2. นำไปเคี่ยวในน้ำเดือด ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว เกลือ และน้ำตาลตามชอบ เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนน้ำแกงงวดลงและเข้มข้น
  3. จัดขนมจีนและเครื่องปรุงต่างๆ ใส่ลงในชาม เติมน้ำแกง โรยผักชีและพริกคั่ว พร้อมเสิร์ฟ

3. อาหารเวียดนาม : เปาะเปี๊ยะเวียดนาม

เน้นกินผัก เช่น เฝอ ก๊วยจั๊บญวนแหนมเนือง หมูยอ แต่อาหารประจำชาติเวียดนามคือ  เปาะเปี๊ยะเวียดนาม  เป็นอาหารพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเวียดนาม แผ่นเปาะเปี๊ยะทำจากแผ่นแป้งข้าวเจ้า โดยไส้เปาะเปี๊ยะเป็นไก่ หมู กุ้ง กินกับผักสมุนไพรหลายชนิด เช่น สะระแหน่ ผักกาดหอม และน้ำจิ้มหวาน
ขั้นตอนการทำปอเปี๊ยะสดสูตร
  1. แล่เนื้อหมูเป็นชิ้นบางๆ ตามขวาง หมักด้วยซีอิ้วขาว ซอสปรุงรสซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย คลุกให้เข้ากัน แช่ตู้เย็น ๑ ชั่วโมง
  2. นำเนื้อหมูที่หมักไว้มาย่าง พอสุกหั่นเป็นชิ้นยาวๆ นำใบเมี่ยงมาห่อโดยนำผักกาดหอมวาง ตามด้วยใบโหระพา ใบสะระแหน่ ผักชีฝรั่งแครอทซอย และหมูย่าง ห่อให้แน่น
ขั้นตอนการทำน้ำจิ้ม

4. อาหารกัมพูชา : อาม็อก

คนกัมพูชากินข้าวเป็นอาหารหลักคล้ายกับคนไทย และมีน้ำพริกกับผักแกล้มเหมือนกับหลายๆ ประเทศคนกัมพูชานิยมกินเนื้อควายเป็นส่วนมากอาหารประจำชาติของกัมพูชา คือ  “อาม็อก” เป็นอาหารคาวยอดนิยมของกัมพูชาคล้ายห่อหมกของไทย โดยนำเนื้อปลาสดๆ ลวกพริกเครื่องแกง และกะทิแล้วทำให้สุกโดยการนำไปนึ่ง
ขั้นตอนการทำนี้ สูตรมา
  1. นำพริกแกง กะทิ และไข่ไก่ คนให้เข้ากัน
  2. ใส่เครื่องปรุงรสลงในภาชนะผสมแล้วคนให้เข้ากัน
  3. ใส่เนื้อปลาน้ำจืดหัดเป็นชิ้นพอคำลงไปผสม
  4. นำใบยอใส่ลงที่กระทงสี่มุมที่เตรียมไว้
  5. ตักส่วนผสมที่เข้ากันดีแล้วลงในกระทง นึ่งด้วยความร้อนประมาณ ๑๐ นาที หรือจนสุก
  6. ตกแต่งโดยราดหัวกระทิเคียวสุกและพริกแดงให้สวยงาม
  7. เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน โรยด้วยหอมซอย
  1. นำพริกชีฟ้าแดง กระเทียมโขลกให้ละเอียด
  2. ใส่หัวผักกาดขูดฝอย แครอทขูดฝอย ปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราบ เกลือและพริก ใส่กระเทียมที่โขลดไว้ ตั้งเตาเคี่ยว ๑๐ นาที